Article / Structural Rhinoplasty

ปัญหาซิลิโคนโยก

01 ตุลาคม 2562 | โดย Dr. Hope
Share

ปัญหาซิลิโคนโยก

ปัญหาซิลิโคนโยกหลังการทำศัลยกรรมเสริมจมูก จะพบว่าสามารถขยับซิลิโคนบริเวณโคนจมูกโยกไปมาได้และอาจเกิดร่วมกับการเอียงของซิลิโคนด้วยได้

วิธีการทำศัลยกรรมเสริมจมูกโดยใช้ซิลิโคนนั้นศัลยแพทย์จะทำการเลาะโพรงเพื่อใส่ซิลิโคนเข้าไป โดยการเลาะโพรงที่ถูกต้องคือบริเวณส่วนปลายถึงกลางของจมูกโพรงจะอยู่เหนือเยื่อหุ้มกระดูกอ่อน ส่วนบริเวณโคนจมูกโพรงจะอยู่ใต้เยื่อหุ้มกระดูกซึ่งหนาและเหนียวซึ่งจะช่วยป้องกันการโยกของซิลิโคน

          ในการทำศัลยกรรมเสริมจมูกแบบปิด(close rhinoplasty) จะสอดซิลิโคนผ่านแผลในรูจมูก การป้องกันการโยกหรือเอียงของซิลิโคนจะต้องอาศัยการเลาะโพรงที่มีขนาดพอเหมาะไม่กว้างเกินไป จัดวางซิลิโคนให้ถูกตำแหน่ง และมีการเหลาซิลิโคนให้ได้รูปร่างที่แนบกับฐานได้พอดี

          สำหรับการทำจมูกแบบเปิด(open rhinoplasty) นอกจากการเลาะโพรงและการเหลาซิลิโคนแล้ว การลดปัญหาการโยกหรือเอียงของซิลิโคนยังสามารถทำได้มากขึ้นโดยการเย็บซิลิโคนให้ติดกับฐานจมูก

สาเหตุของการเกิดซิลิโคนโยก เกิดได้จากหลายๆสาเหตุ คือ

1. วางซิลิโคนผิดตำแหน่ง ไม่ได้วางอยู่ใต้เยื่อหุ้มกระดูก

2. หลังผ่าตัดมีเลือดคั่ง ทำให้ซิลิโคนถูกดันให้ลอยขึ้นไม่แนบกับฐานจมูก

3. มีการถูปลายจมูกบ่อยๆหรือไปขยับ โยกซิลิโคน

4. รูปร่างของซิลิโคนไม่แนบกับฐานจมูก

5. เกิดการอักเสบติดเชื้อภายเนื้อเยื่อจมูก ถึงแม้เกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย ก็สามารถทำให้การฟื้นตัวไม่ดีส่งผลให้ซิลิโคนไม่อยู่กับที่ได้

หากพบว่ามีปัญหาซิลิโคนโยก จะรอดูอาการหลังจากผ่าตัดประมาณ 3 เดือน เพื่อให้ร่างกายมีการสร้างพังผืดหุ้มรอบซิลิโคนเสียก่อน ซึ่งพังผืดเหล่านี้จะช่วยยึดให้ซิลิโคนอยู่กับที่ได้ ถ้าหากยังไม่ดีขึ้นจึงค่อยพิจารณาผ่าตัดแก้ไข

         การแก้ไขและป้องกันปัญหาซิลิโคนโยกสามารถทำได้โดย

โพรงที่เลาะอยู่ใต้เยื่อหุ้มกระดูก และมีความกว้างที่พอเหมาะ

เหลาซิลิโคนที่มีรูปร่างพอดีและแนบไปกับฐานจมูก        

หลีกเลี่ยงการถู การขยับ หรือโยกปลายจมูก จนกว่าซิลิโคนจะอยู่กับที่ ในการเสริมจมูกแบบเปิด(open rhinoplasty) จะมีการใช้ซิลิโคนแค่ส่วนโคนจมูก ส่วนบริเวณปลายจมูกจะเป็นการใช้วิธีต่อผนังกั้นจมูกเพื่อยกปลายจมูกโดยไม่มีซิลิโคน ซึ่งจะเป็นธรรมชาติและช่วยลดปัญหาซิลิโคนโยกจากการถูหรือขยับปลายจมูกได้

ระหว่างทำผ่าตัดต้องมีการห้ามเลือดที่ดีและลดโอกาสการเกิดเลือดคั่งหลังผ่าตัดโดยใส่เฝือกหรือพลาสเตอร์ดามจมูกหลังการทำศัลยกรรมไว้ประมาณ 5-7 วันและใส่ท่อระบายเลือดขนาดเล็กไว้ประมาณ 1-2 วัน

การใช้เครื่องมือ วัสดุและห้องผ่าตัดที่สะอาดได้มาตรฐาน จะช่วยลดปัญหาการอักเสบติดเชื้อลงได้

การดูแลตนเองหลังการทำศัลยกรรมเสริมจมูกโดยการประคบเย็นลดบวม ระมัดระวังไม่ให้เกิดการกระทบกระแทก ในช่วง 1-2 สัปดาห์หลังทำ รวมถึงการพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ จะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้นและลดโอกาสเกิดปัญหาซิลิโคนโยกได้