ปัญหาจมูกหมู
ปัญหาที่เกิดขึ้นหลังการทำศัลยกรรมจมูกที่จะมาพูดถึงในวันนี้ คือ เรื่องปลายจมูกสั้นหรือจมูกหมู ซึ่งเป็นจมูกที่มีลักษณะส่วนปลายของจมูกเชิดขึ้น รูจมูกแหงน ทำให้มองเห็นรูจมูกมากกว่าปกติคล้ายจมูกหมู ซึ่งในทางการแพทย์เรียกว่า Contracted nose deformity หรือ Upturn nose ปัญหาจมูกหมูที่เกิดขึ้นหลังการทำศัลยกรรมจมูก เป็นปัญหาที่แก้ไขค่อนข้างยาก
และศัลยแพทย์ผู้แก้ไขต้องมีความเข้าใจโครงสร้างภายในของจมูกเป็นอย่างดี
สาเหตุของการเกิดจมูกหมูหลังการทำศัลยกรรมจมูกเกิดจากการหดรั้งของเนื้อเยื่อจมูกซึ่งเกิดจาก
1.การหดรั้งของแคปซูล(capsular contracture) ปัจจุบันการเสริมจมูกที่นิยมทำกันในประเทศไทยคือการใช้ซิลิโคนชิ้นเดียวเสริมตั้งแต่โคนจมูกยาวลงมาจนถึงปลายจมูก อาจจะเป็นซิลิโคนสำเร็จรูปรูปทรงต่างๆหรือนำซิลิโคนแท่งมาเหลาให้ได้รูปร่างตามที่ต้องการ เมื่อซิลิโคนเข้าไปอยู่ในร่างกายจะมีการสร้างพังผืดหุ้มรอบซิลิโคนเรียกว่าแคปซูล ในผู้ป่วยบางรายอาจเกิดการหดรั้งของแคปซูล ซึ่งถ้าการหดรั้งเกิดตามแนวยาวของจมูก ก็จะทำให้สันจมูกสั้นลงและปลายจมูกเชิดขึ้นจนเป็นจมูกหมู
2.การหดรั้งของแผลเป็นภายในเนื้อจมูก(scar contracture) พบได้ในผู้ป่วยที่เคยเกิดการอักเสบติดเชื้อหลังการทำศัลยกรรมจมูก การทำศัลยกรรมจมูกมาหลายครั้ง การมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปอยู่ในเนื้อจมูก เช่น การฉีดซิลิโคนเหลว, การฉีดฟิลเลอร์ปลอม หรือสิ่งแปลกปลอมอื่นๆ แผลเป็นที่หดรั้งก็จะก่อให้เกิดปัญหาเช่นเดียวกันกับการหดรั้งของแคปซูล
การหดรั้งของเนื้อเยื่อจมูกจะมีผลต่อโครงสร้างภายในของจมูกโดยทำให้กระดูกอ่อนบริเวณปลายจมูก ถูกดึงรั้งขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งที่ผิดปกติ
หากปล่อยให้เป็นจมูกหมูไปเรื่อยๆ ผลเสียที่เห็นได้ชัดเจนคือ เรื่องของความสวยงาม ปลายจมูกจะเชิดขึ้นจนเห็นรูจมูก เนื้อปลายจมูกบางลงจนอาจเกิดการทะลุของซิลิโคนได้ และสิ่งสำคัญที่มักถูกมองข้าม คือเรื่องการหายใจ ปลายจมูกที่เชิดมากเกินไป มีผลทำให้อากาศที่ผ่านโพรงจมูกมีปริมาณมากและเร็วเกินไป ส่งผลให้โพรงจมูกไม่สามารถปรับความชุ่มชื้นของอากาศได้ทัน อาจเกิดภาวะโพรงจมูกแห้ง และโพรงจมูกอักเสบตามมา
วิธีการแก้ไขจมูกหมูที่ดีที่สุดคือการผ่าตัดแบบเปิด(open rhinoplasty) การผ่าตัดวิธีนี้สามารถเลาะแคปซูลหรือแผลเป็นภายในออกได้หมด ทำให้ผิวหนังที่หดรั้งสามารถยืดออกได้และสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในที่อยู่ผิดตำแหน่งและจัดเรียงโครงสร้างภายในใหม่โดยจะได้รูปทรงจมูกที่ปลายยาวขึ้นโดยที่ไม่ต้องมีซิลิโคนบริเวณปลายจมูก ทำให้มีโอกาสเกิดจมูกหมูซ้ำน้อยมากซึ่งเป็นข้อได้เปรียบกว่าการผ่าตัดแบบปิด(close rhinoplasty)
ส่วนการแก้ไขโดยการผ่าตัดแบบปิด(close rhinoplasty) อาจจะไม่สามารถเลาะแคปซูลหรือแผลเป็นภายในออกได้ทั้งหมด ทำให้ไม่สามารถยืดผิวหนังได้เต็มที่ และโครงสร้างภายในจมูกที่ผิดปกติไม่ได้รับการแก้ไข ประกอบกับการใช้ซิลิโคนที่ยาวขึ้นเพื่อแก้ปัญหาปลายจมูกสั้น แม้ว่าจะนำกระดูกอ่อนหรือเนื้อเยื่อมาปิดปลายจมูกร่วมด้วยก็ตาม ในช่วงแรกจะทำให้จมูกกลับมาสวยงามได้ แต่เมื่อผ่านไปสักระยะหนึ่ง ผิวหนังที่ยืดได้ไม่เต็มที่ก็จะหดรั้งเหมือนเดิมส่งผลให้ซิลิโคนเอียงหรือทะลุได้