ในการทำศัลยกรรมใดๆก็ตามจะเกิดบาดแผลซึ่งเป็นช่องทางให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ อาการของการอักเสบติดเชื้อหลังการทำศัลยกรรมจมูก จะมีอาการบวมแดงที่จมูก อาจมีไข้หรือมีหนองไหลออกมาจากโพรงจมูก ในทุกขั้นตอนของการทำศัลยกรรมการป้องกันการติดเชื้อจึงเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อเกิดการติดเชื้อควรได้รับการรักษาที่เหมาะสมเพื่อลดการเกิดแผลเป็นและพังผืด ไม่เช่นนั้นจะทำให้จมูกผิดรูปได้
สาเหตุของการอักเสบติดเชื้อเกิดจาก
1.เครื่องมือและวัสดุที่ใช้ไม่สะอาดเพียงพอ ห้องผ่าตัดไม่ได้มาตรฐาน
2.แพทย์ขาดความชำนาญ ผ่าตัดแล้วมีการบาดเจ็บต่อเนื้อเยื่อมาก เสียเลือดมากและใช้ระยะเวลาในการผ่าตัดนานเกินไป
3.ผู้ป่วยมีนิสัยชอบถูบริเวณจมูกซึ่งจะทำให้มีการอักเสบมากขึ้น
4.ผู้ป่วยมีสภาวะที่มีภูมิคุ้มกันต่ำทำให้การตอบสนองต่อการกำจัดเชื้อโรคไม่ดี หรือผู้ที่พักผ่อนน้อยก็ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลงได้เช่นกัน
5.ผู้ป่วยที่เคยฉีดสารแปลกปลอมเข้าจมูก เคยทำศัลยกรรมจมูกมาหลายครั้งซึ่งมีผลให้การทำศัลยกรรมจมูกครั้งถัดไปทำได้ยากขึ้น และเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้เพิ่มขึ้น
การรักษาจะเริ่มต้นด้วยการให้ยาฆ่าเชื้อก่อน ถ้าอาการไม่ดีขึ้นควรถอดซิลิโคนออก เพราะซิลิโคนเป็นสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย การถอดออกจะช่วยให้การรักษาทำได้ดีขึ้น แต่ในรายที่ใช้เนื่อเยื่อของตัวเองในการทำศัลยกรรมจมูก เช่น กระดูกอ่อนหลังหู หรือซี่โครง การอักเสบติดเชื้อจะพบได้น้อยกว่าและถ้าเกิดการติดเชื้อขึ้น การให้ยาฆ่าเชื้อมักจะเพียงพอ
เมื่อได้รับการรักษาการอักเสบติดเชื้อแล้ว ในกรณีที่มีการถอดซิลิโคนออกและ ต้องการกลับมาทำใหม่ แพทย์จะรอให้การหายของบาดแผลดีขึ้นเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน จึงจะพิจารณากลับมาทำใหม่ได้
การติดเชื้อส่งผลให้เกิดปัญหาและผลแทรกซ้อนหลายประการ สิ่งสำคัญที่ผู้ที่เข้ารับทำศัลยกรรมจมูกต้องพิจารณาคือ
1.ความสะอาด ห้องผ่าตัด วัสดุ เครื่องมือต่างๆได้รับมาตรฐานหรือไม่ สถานพยาบาลนั้นได้รับอนุญาตถูกต้องหรือไม่
2.ศัลยแพทย์มีประสบการณ์ ได้รับการอบรมตามมาตรฐานของแพทยสภาหรือไม่ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ง่ายๆจากเวปไซต์แพทยสถา https://www.tmc.or.th/check_md/
หากพบว่ามีการอักเสบติดเชื้อหลังการเสริมจมูก ผู้ป่วยต้องดูแลรักษาตนเอง ให้มีสุขภาพแข็งแรง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การพักผ่อนให้เพียงพอ จากนั้นให้มาตรวจตามแพทย์นัดอย่างครบถ้วน เพราะการรักษาได้ทันท่วงที จะลดปัญหาการผิดรูปของจมูกได้ และทำการแก้ไขได้ง่ายมากขึ้น