เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยและทำให้ผู้ป่วยหลายคนกลัว ตำแหน่งที่มักเกิดการทะลุ คือบริเวณปลายจมูก และภายในโพรงจมูก ซึ่งการทะลุบริเวณปลายจมูกจะสามารถสังเกตเห็นได้ง่าย และอาจมีอาการอื่นนำมาก่อน เช่น เนื้อปลายจมูกบางหรือบวมแดง ทำให้ผู้ป่วยมักจะมาพบแพทย์ได้ทันเวลาก่อนที่จะทะลุออกมา แต่ในขณะที่การทะลุของซิลิโคนภายในโพรงจมูกจะเห็นได้ยาก กว่าจะมาพบแพทย์ก็อาจมีการทะลุของซิลิโคนมาเป็นเวลานานแล้ว ทำให้การรักษาเป็นไปได้ยาก และมีภาวะแทรกซ้อนตามมาได้
สาเหตุของปัญหาซิลิโคนเสริมจมูกทะลุคือ
1. การเลือกใช้ซิลิโคนที่มีรูปร่างไม่เหมาะสม เช่น ยาวเกินไป, แหลมเกินไป, หนาเกินไป เป็นต้น
2.เกิดจากการที่ซิลิโคนที่อยู่ภายในถูกรบกวน ไม่ว่าจะเป็นการจับ ขยับ โยก ถู
3.การอักเสบและการติดเชื้อ ซึ่งจะทำให้ผิวหนังบาง และเกิดการทะลุตามมา
4.การใช้ซิลิโคนแบบมีขาหรือรูปตัว L
5.การวางตำแหน่งของซิลิโคนที่ไม่เหมาะสม เกิดการเบี้ยว เอียง ทำให้มีแรงกดต่อเนื้อเยื่อในตำแหน่งที่ไม่ต้องการ
เมื่อเกิดการทะลุของซิลิโคน จะเกิดช่องทางติดต่อระหว่างสิ่งแวดล้อมภายนอกกับเนื้อเยื่อภายในจมูก ทำให้มีโอกาสเกิดการติดเชื้อแทรกซ้อนได้
วิธีการแก้ไข
ต้องนำซิลิโคนที่ทะลุออก รอให้แผลหายดี แล้วจึงมาทำศัลยกรรมจมูกใหม่ ถ้าเกิดรอยบุ๋มหลังจากถอดซิลิโคนออก จำเป็นต้องใช้เนื้อจากบริเวณอื่น เช่น ก้นกบ ขมับ มาแก้ไขรอยบุ๋มนั้น เพื่อให้การแก้ไขใหม่ในครั้งถัดไปทำได้ง่ายขึ้น การทำศัลยกรรมเสริมจมูกหลังจากที่แผลหายดีแล้วควรทำด้วยวิธีการต่อผนังกั้นจมูกให้สูงขึ้นด้วยเนื้อเยื่อของผู้ป่วยเองเพื่อให้ได้ความสูงของปลายจมูกตามต้องการโดยที่ไม่ต้องมีการใช้ซิลิโคนเสริมที่บริเวณปลายจมูก จะใช้ซิลิโคนเสริมบริเวณสันจมูกเท่านั้น ทำให้ไม่มีแรงกดของซิลิโคนที่ปลายจมูกเลย ซึ่งการแก้ไขวิธีนี้จำเป็นต้องทำการผ่าตัดแบบเปิด(open rhinoplasty)
ส่วนกรณีที่ซิลิโคนยังไม่ทะลุออกมา แต่เห็นว่าเนื้อปลายจมูกเริ่มบาง สามารถทำการแก้ไขโดยการถอดซิลิโคนเดิมออกและทำการศัลยกรรมเสริมจมูกวิธีการดังที่กล่าวข้างต้นได้เลย
ปัญหาซิลิโคนเสริมจมูกทะลุหลีกเลี่ยงได้โดยการเลือกทำศัลยกรรมกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ สามารถเลือกใช้วิธีที่เหมาะสมและปลอดภัย ทำในสถานพยาบาลที่สะอาดปลอดภัย และช่วยลดปัญหาซิลิโคนจมูกทะลุได้ อีกทั้งยังได้จมูกที่สวยงามอีกด้วย