Share

ทำจมูกแบบ Structural rhinoplasty

การผ่าตัดเสริมจมูก นับเป็นการทำศัลยกรรมอันดับต้นๆ ของชาวเอเชีย จุดประสงค์เพื่อทำให้จมูกดูโด่งสวย มีมิติ รับกับใบหน้า ปัจจุบันการผ่าตัดเสริมจมูกมีทั้งการใช้วัสดุสังเคราะห์ทางการแพทย์ (เช่น ซิลิโคน goretex) ใช้เนื้อเยื่อจากร่างกายตัวเอง (เช่น กระดูกอ่อนจากใบหู กระดูกอ่อนจากผนังกั้นจมูก กระดูกอ่อนซี่โครง) หรือใช้ทั้งสองอย่างร่วมกัน ซึ่งคุณหมอโฮปแนะนำการผ่าตัดเสริมจมูกโดยใช้ทั้งสองอย่างร่วมกัน (structural rhinoplasty) โดยใช้เนื้อเยื่อจากร่างกายตัวเองในการปรับและเสริมโครงสร้างบริเวณปลายจมูกและใช้ซิลิโคนแบบนิ่มที่บริเวณสันจมูก โดยผ่าตัดเปิดแผลแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty)

การผ่าตัดเสริมจมูกด้วยการใช้ซิลิโคนเพียงอย่างเดียวมักทำให้เกิดปัญหาบริเวณปลายจมูก เช่น เนื้อปลายจมูกบาง ทะลุ ปลายจมูกงุ้มลง จากการเสียดสีและแรงกดของซิลิโคน คุณหมอโฮปจึงใช้วิธีการเปิดแผลแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty) เพื่อเปิดจมูกขึ้นให้เห็นโครงสร้างภายในทั้งหมด และใช้กระดูกอ่อนจากใบหู กระดูกอ่อนจากผนังกั้นจมูก หรือกระดูกอ่อนซี่โครงในการตกแต่งและปรับโครงสร้างปลายจมูก (structural rhinoplasty) ให้ยาวขึ้น สูงขึ้น เรียวเล็กลง แก้ปัญหาจมูกที่สั้น เชิด แบบจมูกหมู ปลายจมูกงุ้ม แล้วแต่ความต้องการของคนไข้ที่แตกต่างกันออกไป โดยจะไม่มีซิลิโคนบริเวณปลายจมูกเลย จึงไม่ทำให้เกิดการเสียดสีหรือมีแรงกดจากซิลิโคน ทำให้การทำจมูกแบบโอเพ่นกับคุณหมอโฮปนั้นปลอดภัยและไม่มีการทะลุ

บริเวณสันจมูกนั้น คุณหมอโฮปจะตรวจดูโครงสร้างของสันจมูกก่อน ถ้ามีปัญหาฐานเบี้ยว เอียง จมูกคด แกนใหญ่ หรือมีฮัมพ์ จะทำการแก้ไขและปรับโครงสร้างฐานก่อนจึงจะเสริมด้วยซิลิโคน และเลือกใช้ซิลิโคน Implant Grade แบบนิ่มพิเศษ เพื่อให้คงรูป ดูเป็นธรรมชาติ ได้ความโด่งที่สวยงาม และรับกับใบหน้า

เนื่องจากเทคนิคทำจมูกแบบปรับโครงสร้าง (structural rhinoplasty) ด้วยการเปิดแผลแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty) เป็นการผ่าตัดที่ต้องใช้ความละเอียด ประณีต และต้องอาศัยประสบการณ์ค่อนข้างสูง จึงควรเลือกทำศัลยกรรมกับแพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตกแต่ง (plastic surgery) จึงจะปลอดภัยและได้ผลลัพธ์ที่ดี (สามารถตรวจสอบได้จาก สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งแห่งประเทศไทย หรือ แพทยสภา)

การทำจมูกแบบปรับโครงสร้าง (structural rhinoplasty) ด้วยการเปิดแผลแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty) จะใช้เวลามากกว่าการทำจมูกแบบใส่ซิลิโคนทั่วไป เพราะเป็นเทคนิคที่ซับซ้อน ส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่า แต่ถ้าเทียบกับผลลัพธ์ที่ปลอดภัยกว่าและเป็นธรรมชาติมากกว่า บอกได้เลยว่าคุ้มแน่นอน เจ็บตัวครั้งเดียว สวย ปลอดภัย และรับกับใบหน้า

แก้จมูกแบบ Structural rhinoplasty

มีคนจำนวนไม่น้อยที่ผ่าตัดทำจมูกมาแล้วเกิดปัญหาขึ้นหลังการผ่าตัด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาภาวะแทรกซ้อน เช่น ปลายจมูกทะลุ ติดเชื้อ สันจมูกบาง จมูกเบี้ยว จมูกเอียง หรือปัญหาที่คนไข้ไม่ได้รูปทรงจมูกตรงตามที่ใจต้องการ หลายๆ คนเที่ยวเสาะแสวงหาการผ่าตัดแก้ไขอีกหลายครั้ง บ้างก็แก้ไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบ คุณหมอโฮปนำเสนอเทคนิคแก้จมูกแบบปรับโครงสร้าง(structural rhinoplasty) ด้วยการเปิดแผลแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty) ทางเลือกที่ให้ความสวย ปลอดภัย และจะเป็นการแก้จมูกครั้งสุดท้ายของคุณ

ปัญหาจมูกแบบไหนก็แก้ได้
เริ่มที่ปัญหาเล็กๆ อย่างการทำจมูกที่ไม่ได้ทรงตามต้องการ ทำมานานแล้วต้องการเปลี่ยนทรง ต้องการให้โด่งขึ้น แบบที่ซิลิโคนปกติทำไม่ได้ การแก้จมูกแบบปรับโครงสร้าง (structural rhinoplasty) ด้วยการเปิดแผลแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty) ที่เป็นการเปิดให้เห็นโครงสร้างทั้งจมูก สามารถแก้ไขทรงได้ตั้งแต่พื้นฐาน อยากได้สันที่เรียวกว่าเดิม อยากได้ปลายจมูกที่ยาวขึ้นมีหยดน้ำ เทคนิคนี้ก็สามารถเนรมิตได้

ปัญหาต่อมาที่เจอเยอะและบ่อยคือเนื้อปลายจมูกบาง ซึ่งถ้าปล่อยทิ้งไว้จะทำให้ซิลิโคนทะลุออกมานอกจมูกได้ สาเหตุเกิดจากการใช้ซิลิโคนเสริมที่ปลายจมูกซึ่งจะทำให้มีแรงกดและการเสียดสีเกิดขึ้น ถึงแม้จะแก้ไขด้วยวิธีการเอากระดูกอ่อนจากใบหูหรือเนื้อเยื่อมารองปลายซิลิโคน ก็ยังพบปัญหาปลายจมูกบางได้อยู่ดี เพราะไม่ว่าจะเอาส่วนใดในร่างกายมารองปลายซิลิโคน แรงกดและการเสียดสีจากซิลิโคนก็ยังมีอยู่ แต่การแก้จมูกแบบปรับโครงสร้าง (structural rhinoplasty) จะเป็นการใช้กระดูกอ่อนจากใบหู กระดูกอ่อนจากผนังกั้นจมูก หรือกระดูกอ่อนซี่โครงในการตกแต่งและปรับโครงสร้างปลายจมูกโดยจะไม่มีซิลิโคนบริเวณปลายจมูกเลย จึงไม่เกิดปัญหาจนทะลุนั่นเอง

อีกหนึ่งปัญหาที่พบคือซิลิโคนขยับได้ ไม่แนบกับสันจมูก เสริมไปนานๆ แล้วรูปร่างเปลี่ยน เบี้ยว เอียง การแก้จมูกแบบปรับโครงสร้าง (structural rhinoplasty) ด้วยการเปิดแผลแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty) ก็สามารถแก้ปัญหานี้ได้อีกเช่นกัน เพราะคุณหมอจะสามารถเลาะโพรงสำหรับใส่ซิลิโคนให้มีขนาดพอดี ไม่ใหญ่ ไม่เล็กเกินไป พร้อมกับวางซิลิโคนได้ถูกตำแหน่ง แนบกับฐาน เพื่อป้องการเอียง หรือซิลิโคนลอย และเมื่อตรงปลายจมูกทำจากกระดูกอ่อนทั้งหมด เวลาบิด หรือ ถูปลายจมูก ก็จะไม่กระทบกับซิลิโคนบริเวณสันจมูก

สำหรับการติดเชื้อที่เหมือนฝันร้ายของคนทำศัลยกรรม มักเกิดจากการศัลยกรรมจากแพทย์ที่ไม่ชำนาญ อุปกรณ์ ห้องผ่าตัดไม่ได้มาตรฐาน ถ้าเกิดการติดเชื้อคุณหมอแนะนำให้ถอดซิลิโคนและพักจมูกประมาณ 6 เดือน แล้วกลับมาแก้จมูกแบบโอเพ่นที่มีความปลอดภัย ได้รูปทรงที่ต้องการ และไม่ต้องกลับมาแก้ซ้ำอีก

แก้จมูกครั้งสุดท้าย มั่นใจด้วยการแก้จมูกแบบปรับโครงสร้าง (structural rhinoplasty) ด้วยการเปิดแผลแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty)

การเสริมจมูกด้วยซิลิโคนรองปลายด้วยเนื้อเยื่อจากร่างกายตัวเอง สามารถแก้ปัญหาที่ปลายจมูกได้ในระยะหนึ่ง แต่อาจไม่ได้เหมาะกับทุกคน ยิ่งในคนที่เคยมีปัญหาปลายทะลุ ปลายบางมาแล้ว ยิ่งควรระมัดระวังมากกว่าเดิม การแก้จมูกโอเพ่นเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่จะแก้ไขและคงความสวยของจมูก ไม่ต้องเจ็บตัวซ้ำๆ อีกต่อไป
Share